1/05/2551

แนวคิดการแก้ไขปัญหาจราจร

เมื่อเร็วๆนี้ได้ยินการแก้ปัญหาอุบัติเหตุจากรถจักรยานในประเทศญี่ปุ่น การแก้ปัญหามาจากข้อมูลสำรวจว่ามีอุบัติเหตุเกิดเพิ่มขึ้น 5 เท่าเข้าใจว่าคงจะมีรายละเอียดด้วยว่าจากสาเหตุอะไรบ้าง จึงได้มีมาตรการทางกฏหมายออกมา 3 ข้อคือ 1) คนที่ขับขี่จักรยานจะต้องไม่ถือมือถือในอีกมือขณะที่ขับขี่จักรยาน 2) ขณะที่ขับขี่จักรยานนั้นต้องไม่ใช้เครื่องฟังเพลงเครื่องรับวิทยุ ไม่ให้มีหูฟังขณะขับขี่ 3) ถ้าฝนตกไม่ให้ใช้ร่มแต่ให้ใช้เสื้อกันฝนแทน

จากมาตรการข้อ 1,2 นั้นเป็นวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปแล้วก่อให้เกิดอันตรายมีส่วนก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เช่นเดียวกับเมืองไทยเช่นกันอุบัติเหตุน่าจะเนื่องมาจากการใช้โทรศัพท์และอุปกรณ์ฟังเพลง ทำให้ผู้ขับขี่จักรยานรวมทั้งจักรยานยนต์เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย แม้ว่าประเทศเราจะไม่มีการบังคับทางกม. แต่ก็ควรระวังหลีกเลี่ยงไม่ใช้โทรศัพท์และ ใช้หูฟังฟังเสียงต่างๆ สำหรับมาตรการในข้อ 3 ก็เช่นเดียวกันเพราะการใช้ร่มอาจไปบังเส้นทางทำให้มองทางข้างหน้าไม่เห็นและทำให้ผู้ขับขี่เสียการทรงตัวได้ง่าย เนื่องจากกระแสลม การบังคับไม่ให้ใช้ร่มก็ดูมีเหตุผลทำให้เกิดอุบัติเหตุน้อยลง

สำหรับในอเมริกามาตรการทางกฏหมายเข้มงวดมาก เริ่มตั้งแต่การขอใบขับขี่ที่จะต้องสอบให้ผ่านอย่างเข้มงวดทั้งข้อเขียนและภาคปฏิบัติ และการจับคนที่ขับขี่ผิดกฏจราจรอย่างไม่ไว้หน้าไม่ว่าจะผิดเล็กผิดน้อย จะถูจับเสียค่าปรับทั้งสิ้น และตำรวจจราจรก็มีอยู่เหมือนตาสัปรด เช่นไฟหน้าติดด้านเดียว ลากรถกันก็ไม่ได้ต้องใช้รถลากเฉพาะ ขับขี่ความเร็วเกินไม่ได้เลย ในเมืองจะมีความเร็วสูงสุดต่ำกว่าในเมืองต้องระวังให้ดี เพราะอาจเผลอได้ เช่นในบ้านเราบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยถือว่าเป็นความเร็วย่านชุมชนความเร็วสูงสุดที่ขับได้ไม่เกิด 50 กมต่อชม.เท่านั้น และการขับขี่รถยนต์ฝ่าไฟแดงถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าถูกจับมีโทษถึงจำคุกต้องไปขึ้นศาลถูกยึดใบขับขี่ และต้องไปเข้าโรงเรียนฝึกอบรมกฏจราจร

เช่นเดียวกันจากผลงานวิจัยในอะเมริกาพบว่าสาเหตุที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือการดื่มเหล้าแล้วขับรถ ส่วนความเร็วมีส่วนให้เกิดอุบัติเหตุน้อยกว่าจึงมีมาตรการทางกฏหมาย โดยการเพิ่มโทษ ยึดใบขับขี่ ส่วนเรื่องความเร็วในบางรัฐเมื่อผลการสำรวจว่ามีอุบัติเหตุน้อยก็เพิ่มความเร็วสูงสุดขึ้น โดยทั่วไปในอเมริกาความเร็วสูงสุดจะไม่เกิด 70 ไมล์ต่อชั่วโมง บางรัฐจะให้สูงถึง 75 ไมล์ต่อชั่วโมงถ้าผลสำรวจอุบัติเหตุน้อยเช่นรัฐมิสซูรีเป็นต้น (ในอเมริกายังใช้ไมล์ต่อชั่วโมงมากกว่า กม.ต่อชม.)

ไม่ต้องพูดถึงในเรื่องการรัดเข็มขัด และการใส่หมวกกันน็อค ที่เคารพกฏหมายกันดีเพราะตระหนักถึงความปลอดภัยของตัวเอง แต่บ้านเรากลับไม่ค่อยสนใจความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น แม้จะมีกฏหมายบังคับไว้ก็ฝ่าฝืนอยู่เสมอ เพราะการบังคับใช้กม. ทำได้ยาก ทางออกสำหรับประเทศเราก็ คือการศึกษา สถาบันการศึกษา ครู ผู้ปกครอง ห้างร้านบริษัทต้องช่วยเหลือกันไม่ทำผิดกฏจราจร เพราะมาตรการป้องกันดีกว่ามาตรการแก้ไขเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วแน่นอน เพียงแต่เราจะตระหนักกันหรือไม่

เมื่อเร็วๆนี้ได้ยินการแก้ปัญหาอุบัติเหตุจากรถจักรยานในประเทศญี่ปุ่น การแก้ปัญหามาจากข้อมูลสำรวจว่ามีอุบัติเหตุเกิดเพิ่มขึ้น 5 เท่าเข้าใจว่าคงจะมีรายละเอียดด้วยว่าจากสาเหตุอะไรบ้าง จึงได้มีมาตรการทางกฏหมายออกมา 3 ข้อคือ 1) คนที่ขับขี่จักรยานจะต้องไม่ถือมือถือในอีกมือขณะที่ขับขี่จักรยาน 2) ขณะที่ขับขี่จักรยานนั้นต้องไม่ใช้เครื่องฟังเพลงเครื่องรับวิทยุ ไม่ให้มีหูฟังขณะขับขี่ 3) ถ้าฝนตกไม่ให้ใช้ร่มแต่ให้ใช้เสื้อกันฝนแทน

จากมาตรการข้อ 1,2 นั้นเป็นวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปแล้วก่อให้เกิดอันตรายมีส่วนก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เช่นเดียวกับเมืองไทยเช่นกันอุบัติเหตุน่าจะเนื่องมาจากการใช้โทรศัพท์และอุปกรณ์ฟังเพลง ทำให้ผู้ขับขี่จักรยานรวมทั้งจักรยานยนต์เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย แม้ว่าประเทศเราจะไม่มีการบังคับทางกม. แต่ก็ควรระวังหลีกเลี่ยงไม่ใช้โทรศัพท์และ ใช้หูฟังฟังเสียงต่างๆ สำหรับมาตรการในข้อ 3 ก็เช่นเดียวกันเพราะการใช้ร่มอาจไปบังเส้นทางทำให้มองทางข้างหน้าไม่เห็นและทำให้ผู้ขับขี่เสียการทรงตัวได้ง่าย เนื่องจากกระแสลม การบังคับไม่ให้ใช้ร่มก็ดูมีเหตุผลทำให้เกิดอุบัติเหตุน้อยลง

สำหรับในอเมริกามาตรการทางกฏหมายเข้มงวดมาก เริ่มตั้งแต่การขอใบขับขี่ที่จะต้องสอบให้ผ่านอย่างเข้มงวดทั้งข้อเขียนและภาคปฏิบัติ และการจับคนที่ขับขี่ผิดกฏจราจรอย่างไม่ไว้หน้าไม่ว่าจะผิดเล็กผิดน้อย จะถูจับเสียค่าปรับทั้งสิ้น และตำรวจจราจรก็มีอยู่เหมือนตาสัปรด เช่นไฟหน้าติดด้านเดียว ลากรถกันก็ไม่ได้ต้องใช้รถลากเฉพาะ ขับขี่ความเร็วเกินไม่ได้เลย ในเมืองจะมีความเร็วสูงสุดต่ำกว่าในเมืองต้องระวังให้ดี เพราะอาจเผลอได้ เช่นในบ้านเราบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยถือว่าเป็นความเร็วย่านชุมชนความเร็วสูงสุดที่ขับได้ไม่เกิด 50 กมต่อชม.เท่านั้น และการขับขี่รถยนต์ฝ่าไฟแดงถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าถูกจับมีโทษถึงจำคุกต้องไปขึ้นศาลถูกยึดใบขับขี่ และต้องไปเข้าโรงเรียนฝึกอบรมกฏจราจร

เช่นเดียวกันจากผลงานวิจัยในอะเมริกาพบว่าสาเหตุที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือการดื่มเหล้าแล้วขับรถ ส่วนความเร็วมีส่วนให้เกิดอุบัติเหตุน้อยกว่าจึงมีมาตรการทางกฏหมาย โดยการเพิ่มโทษ ยึดใบขับขี่ ส่วนเรื่องความเร็วในบางรัฐเมื่อผลการสำรวจว่ามีอุบัติเหตุน้อยก็เพิ่มความเร็วสูงสุดขึ้น โดยทั่วไปในอเมริกาความเร็วสูงสุดจะไม่เกิด 70 ไมล์ต่อชั่วโมง บางรัฐจะให้สูงถึง 75 ไมล์ต่อชั่วโมงถ้าผลสำรวจอุบัติเหตุน้อยเช่นรัฐมิสซูรีเป็นต้น (ในอเมริกายังใช้ไมล์ต่อชั่วโมงมากกว่า กม.ต่อชม.)

ไม่ต้องพูดถึงในเรื่องการรัดเข็มขัด และการใส่หมวกกันน็อค ที่เคารพกฏหมายกันดีเพราะตระหนักถึงความปลอดภัยของตัวเอง แต่บ้านเรากลับไม่ค่อยสนใจความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้น แม้จะมีกฏหมายบังคับไว้ก็ฝ่าฝืนอยู่เสมอ เพราะการบังคับใช้กม. ทำได้ยาก ทางออกสำหรับประเทศเราก็ คือการศึกษา สถาบันการศึกษา ครู ผู้ปกครอง ห้างร้านบริษัทต้องช่วยเหลือกันไม่ทำผิดกฏจราจร เพราะมาตรการป้องกันดีกว่ามาตรการแก้ไขเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วแน่นอน เพียงแต่เราจะตระหนักกันหรือไม่ -->

ไม่มีความคิดเห็น: